ชื่อมูนสโตนมาจากลักษณะพิเศษของหินที่เรียกว่าadularescence (หรือ schiller) ซึ่งให้แสงภายในเป็นสีน้ำเงินคล้ายน้ำนม ผลกระทบนี้เกิดจากการเลี้ยวเบนของแสง ผ่านชั้นออร์โธคลาสต์และอัลไบต์ที่สลับกันภายในหิน แสงที่เลี้ยวเบนจะแตกต่างกันไปจากสีขาวเป็นสีน้ำเงิน ขึ้นอยู่กับความบางของชั้นอัลไบท์ ในทางเทคนิคแล้วโครงสร้างจุลภาคนี้ประกอบด้วยชั้น exsolution ปกติ(แผ่น)ของเฟลด์สปาร์อัลคาไลที่แตกต่างกัน (orthoclase และ plagioclase ที่อุดมด้วยโซเดียม)

หินมูนสโตนที่ขัดเงามักจะมีเหลือบสะท้อนเป็น(เอฟเฟกต์ "ตาแมว") โดยมีเส้นแสงปรากฏขึ้นผ่านหิน Asterismนั้นหายากและให้กำเนิดดาวสี่ขา 

ธรณีวิทยา

หิน มูนสโตนที่พบมากที่สุดคือแร่เฟลด์สปาร์ออร์โธคเลส ออร์โธคเลสซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามสถานที่ทำเหมืองในยุคแรกใกล้ภูเขาอดูลาร์ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองเซนต์ก็อตธาร์ด สารละลายที่เป็นของแข็งของplagioclase feldspar oligoclase +/− โพแทสเซียมเฟลด์สปาร์ออร์โธคเลส

มูนสโตนเกิดขึ้นในอาร์เมเนีย (ส่วนใหญ่มาจากทะเลสาบเซวาน)
ออสเตรเลีย มูนสโตนถูกพบที่เทือกเขาแอลป์ของออสเตรีย,เม็กซิโก,มาดากัสการ์,เมียนมาร์,นอร์เวย์,โปแลนด์ ,อินเดีย,ศรีลังกาและสหรัฐอเมริกา ในอดีต พลอยมูนสโตนโปร่งใสที่มีค่าที่สุดและมีเหลือบสีน้ำเงินเข้มมาจากพม่า ปัจจุบันมูนสโตนเชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่มาจากศรีลังกา